บริการของเรา
บริการบังคับคดีตามคำพิพากษา
ทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการสืบทรัพย์และบังคับคดีของเรา จะทำให้ชัยชนะทางกฎหมายของท่าน กลายเป็นความสำเร็จทางการเงินที่แท้จริง
ความท้าทายในกระบวนการบังคับคดี
คำพิพากษาที่ศาลมีคำสั่งให้ท่านเป็นฝ่ายชนะคดี ถือเป็นความสำเร็จที่สำคัญในทางกฎหมาย อย่างไรก็ตาม คุณค่าที่แท้จริงของคำพิพากษานั้นจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อมีการบังคับให้เกิดการชำระหนี้จนสำเร็จลุล่วง ปัญหาการที่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาไม่สามารถบังคับให้ลูกหนี้ชำระหนี้ได้นั้น เป็นประเด็นที่พบได้บ่อยในแวดวงธุรกิจของประเทศไทย ทั้งกับองค์กรขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) บริษัทสตาร์ทอัพ ตลอดจนบรรษัทข้ามชาติ
สถานการณ์ดังกล่าว หรือที่เรียกว่า “ชัยชนะบนแผ่นกระดาษ” (Paper Victory) ก่อให้เกิดผลกระทบเชิงพาณิชย์อย่างมีนัยสำคัญ:
- ผลกระทบต่อกระแสเงินสด: หนี้ที่ยังไม่ได้รับการชำระคืนส่งผลโดยตรงต่อสภาพคล่องของกิจการ ซึ่งอาจเป็นอุปสรรคต่อการดำเนินงานและการเติบโตในอนาคต
- ต้นทุนทางกฎหมายที่สูญเปล่า: ทรัพยากรที่ได้ลงทุนไปในการดำเนินคดีจะไร้ประสิทธิภาพ หากท้ายที่สุดแล้วไม่สามารถบังคับตามคำพิพากษาได้
- ความรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรม: เมื่อลูกหนี้ตามคำพิพากษาสามารถหลีกเลี่ยงภาระผูกพันทางกฎหมายได้โดยการซุกซ่อนหรือยักย้ายถ่ายเททรัพย์สิน
- กระบวนการที่ซับซ้อน: ขั้นตอนการบังคับคดีเป็นกระบวนการทางกฎหมายที่มีความละเอียดซับซ้อนและเป็นอิสระ ซึ่งโดยทั่วไปแล้วอยู่นอกเหนือขอบเขตความรับผิดชอบของทนายความผู้ดำเนินคดีในชั้นต้น
การแก้ไขปัญหาในขั้นตอนนี้ให้ลุล่วง มิใช่การดำเนินคดีเพิ่มเติม แต่คือการมอบหมายให้ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านการบังคับคดีเป็นผู้ดำเนินการ
บริการสืบทรัพย์และบังคับคดีจาก JIRAWAT & ASSOCIATES
สำนักงานกฎหมาย JIRAWAT & ASSOCIATES ให้บริการเฉพาะทางเพื่อเชื่อมช่องว่างระหว่าง “คำพิพากษา” และ “การได้รับชำระหนี้” อย่างสมบูรณ์ ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านกระบวนการหลังศาลมีคำพิพากษา เรามุ่งมั่นที่จะบังคับใช้คำสั่งศาลอย่างเป็นระบบและถูกต้องตามหลักกฎหมาย เพื่อแปรเปลี่ยนคำพิพากษาของท่านให้เป็นสินทรัพย์ที่สามารถวัดผลได้สำหรับองค์กร
เราบริหารจัดการกระบวนการทั้งหมด เพื่อให้ท่านสามารถกลับไปทุ่มเทให้กับการบริหารธุรกิจได้อย่างเต็มศักยภาพ
กระบวนการบังคับคดี 4 ขั้นตอนเชิงกลยุทธ์
เราได้ปรับปรุงกระบวนการบังคับคดีที่ซับซ้อนให้เป็นขั้นตอนการทำงานที่มีโครงสร้าง ชัดเจน และโปร่งใส โดยทุกขั้นตอนจะได้รับการบริหารจัดการด้วยความแม่นยำและเป็นไปตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย
ขั้นตอนที่ 1: การสืบทรัพย์สินอย่างครอบคลุม (Comprehensive Asset Investigation) ทีมงานของเราใช้เทคนิคการสืบสวนขั้นสูงที่เป็นไปตามกรอบของกฎหมาย เพื่อระบุและค้นหาทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษาอย่างครบถ้วน อาทิ อสังหาริมทรัพย์ บัญชีเงินฝาก ยานพาหนะ หุ้นในนิติบุคคล และทรัพย์สินอื่น ๆ
ขั้นตอนที่ 2: การดำเนินการยึดและอายัดทรัพย์ตามหมายบังคับคดี (Execution of Seizure and Garnishment Orders) ภายใต้การกำกับดูแลของทนายความผู้เชี่ยวชาญ เราจะประสานงานกับกรมบังคับคดีเพื่อดำเนินการ “ยึด” ทรัพย์สินที่มีตัวตน และ “อายัด” สิทธิเรียกร้องทางการเงิน เช่น เงินฝากในธนาคารและเงินเดือน
ขั้นตอนที่ 3: การจัดการขายทอดตลาด (Management of Asset Liquidation) เรากำกับดูแลกระบวนการ “ขายทอดตลาด” ซึ่งบริหารจัดการโดยเจ้าพนักงานบังคับคดี เพื่อให้แน่ใจว่าทรัพย์สินของลูกหนี้จะถูกแปรสภาพเป็นเงินสดอย่างมีประสิทธิภาพและสะท้อนมูลค่าที่แท้จริงของตลาด
ขั้นตอนที่ 4: การรับชำระหนี้และการจัดสรรเงิน (Financial Recovery and Disbursement) สำนักงานฯ จะบริหารจัดการในขั้นตอนสุดท้าย เพื่อให้แน่ใจว่าเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดจะถูกจัดทำบัญชีและจัดสรรให้แก่ท่านอย่างถูกต้องและรวดเร็วที่สุด ภายหลังการหักค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายตามที่กฎหมายกำหนด
เหตุผลที่ควรเลือก JIRAWAT & ASSOCIATES ในการบังคับคดี
ความสำเร็จในการบังคับคดีตามคำพิพากษาต้องการทักษะและความเชี่ยวชาญที่นอกเหนือไปจากการดำเนินคดีทั่วไป สำนักงานของเรามีความได้เปรียบที่แตกต่าง
- ความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน: เรามุ่งเน้นการให้บริการในกระบวนการ “หลังศาลมีคำพิพากษา”โดยเฉพาะอย่างมืออาชีพ
- บริการครบวงจรและเบ็ดเสร็จ: เราเป็น One Stop Legal Services ตั้งแต่การสืบทรัพย์ไปจนถึงการรับชำระหนี้ ทำให้ท่านไม่ต้องประสานงานกับผู้ให้บริการหลายฝ่าย
- กระบวนการที่ชอบด้วยกฎหมาย: การดำเนินการทั้งหมดอยู่ภายใต้การบริหารจัดการของทนายความผู้ทรงคุณวุฒิ และเป็นไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งอย่างเคร่งครัด
- โครงสร้างค่าบริการที่โปร่งใส: เรายึดมั่นในการสื่อสารที่ชัดเจน โครงสร้างค่าบริการแบบผสมของเรา ซึ่งประกอบด้วยค่าบริการคงที่และค่าบริการตามความสำเร็จ จะทำให้ผลประโยชน์ของสำนักงานฯ สอดคล้องกับความสำเร็จของท่าน
- ความเชี่ยวชาญด้านการบังคับคดีระหว่างประเทศ: เรามีกระบวนการที่เป็นมืออาชีพในการจัดการกับความซับซ้อนของการบังคับตามคำพิพากษาของศาลต่างประเทศภายในราชอาณาจักรไทย
คำแนะนำเฉพาะสำหรับลูกค้าแต่ละกลุ่ม
สำหรับผู้ประกอบการ SME และสตาร์ทอัพไทย เราตระหนักดีว่าสำหรับธุรกิจของท่าน กระแสเงินสดคือปัจจัยสำคัญอย่างยิ่งยวด หนี้ตามคำพิพากษาที่ยังไม่ได้รับชำระมิใช่เป็นเพียงรายการทางบัญชี แต่เป็นอุปสรรคต่อเสถียรภาพทางการเงินขององค์กร เราจึงดำเนินการด้วยความเร่งด่วนเพื่อฟื้นฟูสภาพคล่องและทวงคืนเงินทุนที่ท่านพึงได้รับตามกฎหมาย
สำหรับเจ้าหนี้ต่างชาติผู้ถือคำพิพากษา การบังคับตามคำพิพากษาของศาลต่างประเทศในประเทศไทยมีความท้าทายทางกฎหมายเป็นการเฉพาะ เนื่องจากคำพิพากษาดังกล่าวไม่สามารถนำมาบังคับใช้ได้โดยตรง แต่ต้องอาศัยการฟ้องคดีใหม่ในศาลไทย โดยใช้คำพิพากษาเดิมเป็นพยานหลักฐานสำคัญ ทีมกฎหมายของเรามีความเชี่ยวชาญพิเศษในการดำเนินกระบวนการที่ซับซ้อนนี้ เพื่อเชื่อมโยงชัยชนะทางกฎหมายในต่างประเทศของท่านสู่การบังคับยึดทรัพย์สินที่ตั้งอยู่ในประเทศไทย
คําถามที่พบบ่อย (FAQ)
กระบวนการบังคับคดีจะต้องเริ่มต้นภายในกำหนดเวลา 10 ปี นับแต่วันที่ศาลได้มีคำพิพากษาหรือคำสั่งอันถึงที่สุด หากพ้นระยะเวลาดังกล่าว สิทธิในการบังคับคดีของท่านจะระงับสิ้นไปอย่างถาวร
บริการ "รายงานประเมินศักยภาพการบังคับคดี" ในเบื้องต้นของเราถูกออกแบบมาเพื่อตอบข้อสงสัยนี้ เราจะดำเนินการสืบสวนอย่างละเอียดเพื่อประเมินว่าลูกหนี้มีทรัพย์สินเพียงพอที่จะทำให้การบังคับคดีมีความคุ้มค่าในเชิงพาณิชย์หรือไม่ พร้อมทั้งให้คำแนะนำที่ชัดเจนเพื่อหลีกเลี่ยงค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น
กรอบระยะเวลาจะขึ้นอยู่กับความซับซ้อนของแต่ละคดีและประเภทของทรัพย์สินที่เกี่ยวข้อง โดยทั่วไปอาจใช้เวลาตั้งแต่หลายเดือนจนถึงมากกว่าหนึ่งปี ทางสำนักงานฯ จะแจ้งกรอบระยะเวลาที่เป็นไปได้ให้ท่านทราบภายหลังการประเมินรูปคดีในเบื้องต้น
เราใช้โครงสร้างค่าบริการแบบผสมที่โปร่งใส โดยเริ่มต้นจากค่าบริการคงที่สำหรับ "รายงานประเมินศักยภาพการบังคับคดี" หากท่านตัดสินใจที่จะดำเนินการต่อ จะมีค่าบริการคงที่สำหรับการยื่นเรื่องบังคับคดี ควบคู่ไปกับค่าบริการตามความสำเร็จซึ่งคำนวณเป็นอัตราร้อยละจากจำนวนเงินที่สำนักงานฯ สามารถเรียกคืนให้แก่ท่านได้
ดำเนินการบังคับคดีเพื่อสิทธิประโยชน์ของท่าน เริ่มต้นการประเมินรูปคดี
แบบฟอร์มติดต่อ
ฝากข้อความ
โปรดกรอกแบบฟอร์มแล้วเราจะติดต่อคุณโดยเร็วที่สุด