demo.jirawatlawoffice

Author name: czteam

Blog, Thai Version

การปกป้องทรัพย์สินทางปัญญาในไทย: สิ่งที่เจ้าของธุรกิจต้องรู้

ความสำคัญของทรัพย์สินทางปัญญาในการดำเนินการธุรกิจ ทรัพย์สินทางปัญญา (Intellectual Property – IP) ถือเป็นสินทรัพย์ที่จับต้องไม่ได้แต่มีคุณค่าอย่างยิ่งสำหรับธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องหมายการค้า (ตราสินค้า โลโก้) สิทธิบัตร (การคุ้มครองนวัตกรรม) หรือแม้กระทั่งลิขสิทธิ์ (งานเขียน งานศิลปะ ซอฟต์แวร์) สำหรับนักธุรกิจและนักลงทุนต่างชาติที่ดำเนินธุรกิจในพื้นที่สำคัญของไทย เช่น กรุงเทพมหานคร ชลบุรี พัทยา และระยอง การทำความเข้าใจและปกป้องทรัพย์สินทางปัญญาถือเป็นสิ่งจำเป็นในการรักษาความได้เปรียบทางการแข่งขันและมูลค่าของธุรกิจ หากไม่มีการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาที่เหมาะสม ธุรกิจมีความเสี่ยงที่จะถูกลอกเลียนแบบทั้งสินค้า บริการ หรือแบรนด์ อันอาจส่งผลให้สูญเสียรายได้และชื่อเสียงของบริษัท ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา สภาพแวดล้อมด้านทรัพย์สินทางปัญญาของไทยมีการปรับปรุงดีขึ้น รัฐบาลมีความพยายามในการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังและปรับปรุงกฎหมายให้ทันสมัยมากขึ้น อย่างไรก็ตาม คำแนะนำสำหรับนักลงทุนต่างชาติคือควรดำเนินการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาในประเทศไทยตั้งแต่ก่อนเริ่มดำเนินธุรกิจในตลาดไทย เช่น จดทะเบียนเครื่องหมายการค้าและสิทธิบัตรล่วงหน้า และใช้สัญญารักษาความลับ (Non-Disclosure Agreements, NDA) กับคู่ค้า เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต ในการบริหารจัดการทรัพย์สินทางปัญญาในประเทศไทยกรมทรัพย์สินทางปัญญา (Department of Intellectual Property – DIP) สังกัดกระทรวงพาณิชย์ เป็นหน่วยงานหลักที่ดูแลการจดทะเบียนและการบังคับใช้สิทธิด้านทรัพย์สินทางปัญญาในประเทศ นักธุรกิจต่างชาติควรทราบว่าการยื่นขอคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาในไทยจำเป็นต้องมีที่อยู่หรือผู้รับมอบอำนาจในประเทศไทย เพื่อรับการติดต่อราชการและดำเนินการต่างๆซึ่งหมายความว่าท่านต้องแต่งตั้งตัวแทนหรือทนายความในไทยเพื่อดำเนินเรื่องการจดทะเบียนเหล่านี้ การจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าในประเทศไทย (Trademark Registration Thailand) เหตุผลที่ควรจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า: เครื่องหมายการค้าเป็นตัวแทนแบรนด์และความน่าเชื่อถือของธุรกิจการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าในประเทศไทยจะทำให้ท่านมีสิทธิแต่เพียงผู้เดียวในการใช้ชื่อหรือโลโก้นั้นกับสินค้าหรือบริการที่จดทะเบียน และสามารถป้องกันผู้อื่นไม่ให้นำเครื่องหมายที่เหมือนหรือคล้ายไปใช้ในลักษณะที่อาจก่อให้เกิดความสับสนกับธุรกิจของท่าน กฎหมายที่เกี่ยวข้อง: เครื่องหมายการค้าในไทยอยู่ภายใต้ พระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ. 2534 (แก้ไขเพิ่มเติมโดยกฎหมายฉบับที่ 2 และ 3) ซึ่งมีหลักการ “จดก่อนใช้” หมายความว่าสิทธิในเครื่องหมายการค้าจะเกิดขึ้นจากการจดทะเบียนเป็นหลักไม่ใช่จากการใช้เหมือนบางประเทศดังนั้นการจดทะเบียนจึงเป็นขั้นตอนสำคัญในการได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายเครื่องหมายการค้าที่สามารถจดทะเบียนได้รวมถึงเครื่องหมายการค้า (trademark) สำหรับสินค้าเครื่องหมายบริการ (service mark) สำหรับบริการ เครื่องหมายรับรอง และ เครื่องหมายร่วม โดยเครื่องหมายที่จะจดต้องมีลักษณะบ่งเฉพาะ ไม่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดี และไม่ละเมิดเครื่องหมายของผู้อื่นที่มีอยู่เดิม ผู้ยื่นคำขอต่างชาติ: นักธุรกิจหรือบริษัทต่างชาติสามารถจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าในประเทศไทยได้ แต่จะต้องดำเนินการผ่านตัวแทนที่มีถิ่นที่อยู่ในประเทศไทย ตามที่กฎหมายกำหนด ผู้ขอจดจะต้องมอบอำนาจให้บุคคลหรือบริษัทในไทย (เช่น ทนายความหรือบริษัทตัวแทนทรัพย์สินทางปัญญา) เป็นผู้ยื่นคำขอต่อกรมทรัพย์สินทางปัญญาแทน กระบวนการนี้รวมถึงการจัดเตรียมเอกสารต่าง ๆ เป็นภาษาไทยและมีที่อยู่สำหรับการติดต่อในประเทศไทย ขั้นตอนและระยะเวลา: การจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าเริ่มต้นจากการยื่นคำขอ (แบบ พ.ด. 01) ต่อกรมทรัพย์สินทางปัญญา คำขอจะได้รับการตรวจสอบความถูกต้องตามหลักเกณฑ์ทางกฎหมายและตรวจสอบว่าไม่มีเครื่องหมายอื่นใดที่เหมือนหรือคล้ายกันจนสร้างความสับสน หากคำขอผ่านการตรวจสอบเบื้องต้นกรมฯจะประกาศโฆษณาเครื่องหมายเพื่อเปิดโอกาสให้บุคคลภายนอกคัดค้าน หากไม่มีการคัดค้านภายในระยะเวลาที่กำหนด เครื่องหมายจึงจะได้รับการจดทะเบียน ระยะเวลาตั้งแต่ยื่นคำขอจนได้รับจดทะเบียนประมาณ 12–18 เดือน หากไม่มีปัญหาหรือการคัดค้านใด ๆ เมื่อจดทะเบียนแล้ว เครื่องหมายการค้าจะได้รับความคุ้มครอง เป็นเวลา 10 ปีนับจากวันยื่นคำขอ และสามารถต่ออายุการคุ้มครองได้ทุก ๆ 10 ปี โดยไม่จำกัดจำนวนครั้ง (ต้องยื่นขอต่ออายุก่อนหมดอายุและชำระค่าธรรมเนียมตามที่กำหนด) ระบบระหว่างประเทศ: ประเทศไทยเป็นภาคีของระบบการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้านานาชาติภายใต้พิธีสารมาดริด (Madrid Protocol) ซึ่งช่วยอำนวยความสะดวกให้เจ้าของเครื่องหมายการค้าที่จดทะเบียนในประเทศสมาชิกมาดริดสามารถยื่นคำขอระหว่างประเทศเพื่อขยายความคุ้มครองมายังประเทศไทยได้โดยไม่ต้องยื่นคำขอตรงต่อแต่ละประเทศ อย่างไรก็ตาม แม้จะมายื่นผ่านระบบมาดริด กรมทรัพย์สินทางปัญญาของไทยก็ยังคงพิจารณาคำขอตามกฎหมายไทย อยู่ดี และอาจปฏิเสธคำขอหากเครื่องหมายนั้นขัดต่อหลักเกณฑ์ท้องถิ่น นอกจากนี้ ควรจำไว้ว่าเครื่องหมายการค้าที่จดทะเบียนในต่างประเทศจะไม่ได้รับความคุ้มครองในประเทศไทยโดยอัตโนมัติ ท่านยังคงต้องดำเนินการจดทะเบียนในประเทศไทยเองเพื่อให้มีสิทธิตามกฎหมายไทย ประโยชน์จากการจดทะเบียน: เมื่อเครื่องหมายการค้าได้รับการจดทะเบียนในประเทศไทยแล้ว เจ้าของเครื่องหมายจะมีสิทธิ์เด็ดขาดในการใช้เครื่องหมายนั้นกับสินค้าหรือบริการตามที่จดทะเบียน และสามารถดำเนินการทางกฎหมายกับผู้ละเมิดสิทธิ์ได้โดยทันที ซึ่งรวมถึงสิทธิในการขอคำสั่งศาลให้ระงับการใช้เครื่องหมายที่ละเมิด และเรียกร้องค่าเสียหายจากผู้ละเมิด นอกจากนี้

Blog, Thai Version

บริการทนายบ้านและคอนโด ช่วยเหลือการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ของทั้งชาวไทยและต่างชาติ

สำนักงานที่ปรึกษากฎหมายและทนายความ Jirawat & Associates Law Office พร้อมให้คำปรึกษาและบริการทนายบ้านและคอนโด บริการกฎหมายเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการซื้อ ขาย เช่าบ้าน คอนโด ที่ดิน พร้อมช่วยเหลือการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ของทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ตรวจสอบสัญญาซื้อขายบ้านและคอนโดให้มีความเป็นธรรมและถูกต้องตามกฎหมาย บริการทนายบ้านและคอนโด สำนักงานที่ปรึกษากฎหมายและทนายความ Jirawat & Associates Law Office พร้อมให้คำปรึกษาและบริการทนายบ้านและคอนโดด้านต่างๆ ดังนี้ บริการด้านกฎหมายอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร สำนักงานที่ปรึกษากฎหมายและทนายความ Jirawat & Associates Law Office มีบริการกฎหมายเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจร ตั้งแต่การตรวจสอบสถานะทางกฎหมายของอสังหาริมทรัพย์ เพื่อให้มั่นใจว่าอสังหาริมทรัพย์นั้นๆ สามารถทำนิติกรรมซื้อ-ขาย หรือเช่าได้อย่างถูกต้อง ไม่มีการแอบอ้าง หรือติดสัญญาอื่นๆ ที่อาจส่งผลเสียในอนาคตได้ พร้อมทั้งตรวจสอบและร่างสัญญาซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ด้วยความยุติธรรม และถูกต้องตามกฎหมาย ไม่มีนิติกรรมแอบแฝง รวมถึงการดำเนินการโอนกรรมสิทธิ์บ้านและคอนโดให้มีความราบรื่นและรวดเร็ว พร้อมกับให้คำปรึกษาด้านภาษีและค่าธรรมเนียมต่างๆ รวมถึงการให้คำปรึกษาด้านกฎหมายเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ การบริการตรวจสอบสัญญาซื้อขายบ้านและคอนโด ทนายบ้านและคอนโดของ Jirawat & Associates Law Office พร้อมให้บริการตรวจสอบสัญญาซื้อขายบ้านและคอนโด เพื่อให้ผู้ที่มาใช้บริการมั่นใจได้ว่า สัญญาฉบับต่างๆ นั้นมีความชัดเจน เป็นธรรม ถูกต้องตามกฎหมาย และไม่มีนัยยะแอบแฝงใดๆ ที่สามารถส่งผลกระทบ หรือทำให้เสียเปรียบ รวมถึงการตรวจสอบสัญญาซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ให้มีความรัดกุม เพื่อป้องกันความผิดพลาดและทำให้เกิดข้อพิพาทในเรื่องต่างๆ ได้ในอนาคต การตรวจสอบสัญญาซื้อขายบ้านและคอนโดของเรานั้น ทำด้วยขั้นตอนที่มีความละเอียด และเป็นไปตามระบบ ตั้งแต่การรับเรื่องตรวจสอบจากทางลูกความ การตรวจสอบอำนาจตามกฎหมายของสัญญาดังกล่าว การตรวจสอบร่างสัญญาซื้อ-ขาย-เช่า หรือการทำนิติกรรมต่างๆ ให้มีความถูกต้อง ไม่มีจุดที่เอารัดเอาเปรียบ ไปจนถึงการตรวจสอบเอกสารประกอบสัญญาว่ามีความถูกต้อง ตรงกับข้อมูลภายในสัญญาหรือไม่ เพื่อยืนยันว่า สัญญาฉบับดังกล่าวมีความน่าเชื่อถือ และสามารถเซ็นสัญญาเพื่อนิติกรรมต่าง ๆ ได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย โดยประเด็นสำคัญที่ต้องพิจารณาในสัญญา คือความถูกต้องของข้อมูลต่างๆ ภายในสัญญาและเอกสารที่เกี่ยวข้อง เพื่อไม่ให้มีการแอบอ้างหรือปกปิดข้อมูลใดๆ เพื่อผลประโยชน์ของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง รวมถึงรายละเอียดและข้อตกลงสัญญาต่างๆ ให้เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด และถูกต้องตามหลักความเป็นจริง เพื่อให้สัญญามีผลบังคับใช้จริง และไม่เป็นโมฆะตามกฎหมาย ตั้งแต่ชื่อของคู่สัญญา รายละเอียดของทรัพย์สิน เงื่อนไขในการซื้อขายต่างๆ รวมถึงการบอกเลิกสัญญา และการชดเชยต่างๆ อย่างเช่นในสัญญาเช่าบ้านและคอนโด โดยทีมทนายอสังหาริมทรัพย์จะตรวจสอบข้อมูลเหล่านี้อย่างถี่ถ้วน เพื่อให้มั่นใจว่าสัญญาซื้อขายนั้นจะมีความซื่อตรง ถูกต้อง และไม่เอารัดเอาเปรียบกันจนถึงที่สุด กระบวนการโอนกรรมสิทธิ์บ้านและคอนโด สำนักงานที่ปรึกษากฎหมายและทนายความ Jirawat & Associates Law Office พร้อมให้บริการทนายอสังหาริมทรัพย์ ช่วยดูแลกระบวนการโอนกรรมสิทธิ์บ้านและคอนโดหลังตกลงซื้อ-ขาย ให้มีความราบรื่น รวดเร็ว และถูกต้องตามกฎหมาย โดยเริ่มตั้งแต่การจัดเตรียมเอกสารต่างๆ ที่จำเป็นในการโอนกรรมสิทธิ์ ได้แก่ เอกสารการโอนกรรมสิทธิ์ของผู้ซื้อ เอกสารการโอนกรรมสิทธิ์ของผู้ขาย เอกสารการโอนกรรมสิทธิ์ของผู้ซื้อต่างชาติ นอกจากจัดการรวบรวมเอกสารแล้ว เรายังตรวจสอบข้อมูลภายในเอกสารต่างๆ  ว่ามีความถูกต้องตามความเป็นจริง ไม่มีการแอบอ้าง รวมถึงการตรวจสอบภาระผูกพันของอสังหาริมทรัพย์ว่าไม่มีการทำสัญญาจำนอง ขายฝาก หรือสัญญาอื่นๆ แอบแฝง เพื่อให้มั่นใจว่าการโอนกรรมสิทธิ์อสังหาริมทรัพย์จะเป็นไปอย่างถูกต้อง และไม่มีผลกระทบอื่นๆ

Scroll to Top